วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2554

บันทึกกิจกรรมการกำกับตนเอง (** 3 **)



1. แผนการออกแบบและสร้างสรรค์ผลงาน (นิสิตวางแผนการทำงานชิ้นนี้ไว้อย่างไร)

            การวางแผนการทำงานครั้งนี้คือ ร่างโครงร่างตามหัวข้อต่างๆ ไว้คร่าวๆ ก่อนโดยอาศัยเวลาว่างในระหว่างพักเที่ยงหรือหลังเลิกงานแล้วในการทำการบ้าน ประมาณวันถึงสองวันถ้างานประจำไม่ยุ่งน่าจะเสร็จสิ้น แล้วหลังจากนั้นค่อย Upload เข้า Weblog

2. สภาพแวดล้อมในการเรียน / ทำงาน ที่ตนเองคิดว่าเหมาะสม

            ต้องมีความพร้อมในด้านต่างๆ กล่าวคือ มีความพร้อมด้านร่างกาย จิตใจ เทคโนโลยีสารสนเทศในด้านของการค้นคว้าหาข้อมูล อารมณ์ดี เบิกบานแจ่มใส

3. ถ้างานสำเร็จตามแผน นิสิตจะให้รางวัลแก่ตนเองอย่างไร

            หาสิ่งที่ตอบสนองต่อความต้องการในขณะนั้น เพื่อสร้างแรงกระตุ้นและการกระตือรือร้นในการทำงานชิ้นต่อๆ ไป

4. ถ้างานไม่สำเร็จตามแผน นิสิตจะลงโทษตนเองอย่างไร

            ไม่ลงโทษตัวเอง เพราะงานไม่เสร็จก็กังวลมากอยู่แล้ว หาสิ่งอื่นทำหรือหาข้อเปรียบเทียบเพื่อให้ตนเองเกิดแรงบัลดาลใจในการทำงานที่มากขึ้น และกระตุ้นหรือแอ๊คทีพตัวเองให้มากกว่าที่เป็นอยู่

5. สรุปผลการทำแบบฝึกหัดตามแผนที่ได้วางไว้ ว่าทำสำเร็จหรือไม่สำเร็จตามแผนอย่างไร
     และมีการให้รางวัล หรือ ลงโทษตนเองอย่างไร

            ** สรุปผลการทำแบบฝึกหัดครั้งนี้คือ งานสำเร็จลุล่วงด้วยดี **
            การทำงานในครั้งนี้ สำเร็จลุล่วงด้วยดีเพราะเราสามารถจัดลำดับความสำคัญก่อนหลัง ว่าสิ่งใดสำคัญหรือสิ่งใดมีความเร่งด่วน เมื่อทำการพิจารณาแล้วลงเมื่อปฏิบัติโดยทันทีไม่มีการผลัดวันประกันทุ่ง เพราะถ้าเราผลัดไปเรื่อยๆ งานไม่สำเร็จเสร็จสิ้นเสียที เรารู้นิสัยของเราดีอยู่แล้วว่าถ้าเราปฏิบัติตัวแบบนี้ผลที่ออกมาจะเป็นแบบไหนเราสามารถกำหนดทิศทางและความสำเร็จในแก่ตัวเราเองได้
http://www.panoramastock.com/SearchResult.

วันพุธที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2554

บันทึกกิจกรรมการกำกับตนเอง (** 2 **)


1. แผนการออกแบบและสร้างสรรค์ผลงาน (นิสิตวางแผนการทำงานชิ้นนี้ไว้อย่างไร)


            การวางแผนการทำงานครั้งนี้คือ ทำการเคลียร์ภาระส่วนตัวให้เสร็จสิ้นหลังจากเลิกงานที่บริษัทแล้ว เพื่อให้เกิดความคล่องตัวหรือสบายตัวก่อน อีกทั้งยังทำให้สมองปลอดโปร่งโดยการพักผ่อน เช่น การนอนหลับเพื่อเติมพลังให้เกิดการฟื้นตัวที่ดีขึ้นของสมองและกล้ามเนื้อจากการเหนื่อยล้าจากการทำงานประจำ เมื่อตื่นขึ้นมาจะได้มีพลังที่จะคิดสร้างสรรค์ผลงานตามโจทย์ของอาจารย์ผู้สอนที่กำหนดไว้


2. สภาพแวดล้อมในการเรียน / ทำงาน ที่ตนเองคิดว่าเหมาะสม

           โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าสภาพแวดล้อมที่มีความเหมาะสมทั้งในการเรียน การทำงานจะต้องมีสิ่งที่เอื้ออำนวยความสะดวกทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์และความรู้สึกในทางบวก อย่างเช่น มีอุปกรณ์ที่มีความทันสมัย เทคโนโลยีที่รวดเร็วสามารถทันต่อความต้องการของเราได้ และตอบสนองได้ดีที่สุด เพราะความล้าช้าเสียเวลา อาจทำให้เราพลาดในโอกาสทองที่จะมาถึงได้ ในการเรียนหรือการทำงานบรรยากาศรอบข้างตัวก็เป็นปัจจัยที่สำคัญเช่นเดียวกันที่จะทำให้งานชิ้นนั้นๆ ประสบความความสำเร็จ เช่น การทำงานที่สนุกสนาน ไม่เครียดไม่กดดัน ไม่เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น ได้รับความร่วมมือในการทำงาน / การเรียน เป็นอย่างดี ก็จะส่งผลทำให้สภาพร่างกาย จิตใจ อารมณ์ความรู้สึกของเรามีความสุขและเกิดความมุ่งมั่นต่อการทำงานชิ้นนั้นให้บรรลุผลสำเร็จ

3. ถ้างานสำเร็จตามแผน นิสิตจะให้รางวัลแก่ตนเองอย่างไร

            ให้รางวัลโดยการกอดตัวเองหนึ่งครั้ง และดูแลสุขภาพตนเองให้ดีขึ้นกว่านี้ เพราะการทำงานแต่ละครั้งจะต้องอาศัยปัจจัยหลายๆ ทั้งกำลังใจเพื่อให้เกิดความมุ่งมั่นในการทำงาน และรู้สึกภาคภูมิใจในความเป็นตัวเรามากขึ้นที่สามารถต่อสู้กับอุปสรรคปัญหาต่างๆ ในการทำงาน

4. ถ้างานไม่สำเร็จตามแผน นิสิตจะลงโทษตนเองอย่างไร

            มองย้อนถึงปัญหาที่ทำให้งานไม่สำเร็จลุล่วง แล้วครั้งต่อไปพยายามให้ได้ดีกว่านี้ 10 เท่า แต่อาจรู้สึกเสียใจบ้างแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคในการทำงานชิ้นต่อๆ ไป ลงโทษตนเองด้วยการนอนให้มากขึ้นเพื่อให้สมองเคลียร์

5. สรุปผลการทำแบบฝึกหัดตามแผนที่ได้วางไว้ ว่าทำสำเร็จหรือไม่สำเร็จตามแผนอย่างไร
     และมีการให้รางวัล หรือ ลงโทษตนเองอย่างไร

            ** สรุปผลการทำแบบฝึกหัดครั้งนี้คือ งานสำเร็จลุล่วงด้วยดี **

            การทำงานในครั้งนี้ สำเร็จลุล่วงด้วยดีเพราะการจัดสรรแบ่งเวลาในการเรียน กับการทำงานได้ลงตัวแต่อาจมีอุปสรรคบ้างในเรื่องของสัญญาณอินเตอร์เน็ต และโปรแกรมการทำงานในคอมพิวเตอร์บางตัวที่ไม่สามารถรองรับข้อมูลบางอย่างได้ แต่ก็สามารถแก้ไขได้ การให้รางวัลอาจไม่มีอะไรมากมายในตอนนี้ เพราะต้องเตรียมตัวกับ Project Final ที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า

วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2554

บันทึกกิจกรรมการกำกับตนเอง (** 1 **)

1. แผนการออกแบบและสร้างสรรค์ผลงาน (นิสิตวางแผนการทำงานชิ้นนี้ไว้อย่างไร)
           แบบแผนที่วางไว้เกี่ยวกับแผนการดำเนินงานกิจการ Social Enterprise ซึ่งกลุ่มของเราได้ดำเนินกิจการภายใต้บริษัทที่มีชื่อว่า Big Five Group โดยสินค้าของบริษัทเราเป็นงาน handmade มีตัวแปรที่สำคัญคือ ไหมพรม ด้วยความหลากหลายของตัวเส้นไหมหรือกลุ่มด้ายที่มีรูปแบบสีสันสวยงาม และลักษณะเฉพาะของไหมนานาชนิด จึงเป็นจุดเด่นเรียกความสนใจในหลายๆกลุ่มคนโดยเฉพาะวัยรุ่น
      
              ดังนั้นจึงทำให้เกิดผลิตภัณฑ์หรือสินค้าจำพวก ซองใส่โทรศัพท์ กระเป๋าสตางค์ กระเป๋าสะพายข้างหรือคล้องคอ พวงกุญแจตุ๊กตาชนิดต่างๆ ที่ได้รับความนิยมตามสื่อโฆษณาโทรทัศน์ เป็นต้น ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเน้นความปราณีต สวยงาม มีความหลากหาย ความคิดสร้างสรรค์ ทันสมัยต่อโลกปัจจุบัน แต่ละชิ้นงานกลั่นกรองมาจากฝีมือที่ประณีตและจินตนาการความคิดที่สร้างสรรค์ ตลอดจนความตั้งใจของผู้ทำที่ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นชิ้นงานที่สวยงาม

            ขั้นตอนการปฏิบัติงาน แบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ

            (1.)  ระยะการวางแผน เป็นขั้นตอนแรกที่เริ่มระดมความคิดของสมาชิกในกลุ่มงาน มีการปรึกษาเตรียมการในเรื่องของข้อมูล ผลิตภัณฑ์ตัวสินค้าว่าต้องการให้ออกมาในรูปแบบใด องค์ประกอบของสินค้ามีอะไร บ้างเครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์รวมทั้งค่าใช้จ่ายตลอดการดำเนินกิจการผลรวมประมาณเท่าไหร่ อีกทั้งวิธีการทำ การจัดหาแหล่งวัตถุดิบที่ใช้ในการดำเนินงาน การพัฒนาแนวความคิดให้เกิดไอเดียใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา และสินค้ารูปแบบใดที่เป็นที่ต้องการในตลาดอยู่ในขณะนี้
            (2.)  ระยะการปฏิบัติงาน เป็นระยะที่ทุกคนต้องดำเนินการตามแผนงานที่วางไว้ คือ การทำงานตามข้อตกลงของแต่ละคนตามที่ได้รับมอบหมายไว้ เช่น นางสาวส้มโอ ดูงานในส่วนของผลิตภัณฑ์ตัวสินค้าของบริษัท การตลาดตลอดจนช่องทางในการจัดจำหน่าย นางสาวแตงโม ดูในส่วนงานของการประชาสัมพันธ์ แบรนด์ สื่อโฆษณาสินค้า นางสาวมะนาว ดูงานในส่วนเอกสารแผนการดำเนินงานต่างๆของบริษัท นางสาวเงาะ ดูในส่วนของบัญชีการเงิน รายได้งบประมาณ เป็นต้น ทั้งนี้การกระจายงานให้ให้กับบุคคลต่างๆ เราควรดูความเหมาะสมในเรื่อง การใช้คนให้ถูกกับงาน หรือการใช้งานให้เหมาะสมกับคน ซึ่งเป็นหลักสำคัญที่จะส่งผลให้การดำเนินงานหรือองค์กรประสบความสำเร็จ

            (3.)  ระยะการประเมินผล สรุปผล ระยะนี้เป็นระยะที่สำคัญมาก เพราะเป็นการสรุปข้อมูลของการดำเนินงานตั้งแต่ต้นทำให้เรารับรู้ถึงความนิยมและความชื่นชอบในตัวของแบรนด์หรือสินค้าบริษัทเรา ตลอดจนปัญหาและอุปสรรคในการทำงาน อีกทั้งสามารถรับรู้ถึง Feedback ผลตอบรับของตลาดสินค้า เพื่อนำมาประเมินผล ทำการวิเคราะห์ถึงผลที่ได้รับ ซึ่งข้อมูลที่สรุปนั้นอาจแปลงค่าความหมายออกมาในรูปแบบของกราฟ/แผนภูมิข้อมูล แล้วนำข้อมูลที่สรุปได้มาปรับปรุงดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติม เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุดต่อไป

2. สภาพแวดล้อมในการเรียน / ทำงาน ที่ตนเองคิดว่าเหมาะสม

สภาพแวดล้อมในการเรียน คือ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้เรียนหรือคนทำงานประสบความสำเร็จ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นองค์ประกอบที่สำคัญ ตัวอย่างเช่น สภาพแวดล้อมในการเรียน คือ ผู้เรียนและผู้สอนสามารถสื่อสารกันได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล มีความเข้าใจตรงกัน สามารถถ่ายทอดไปยังผู้อื่นได้อย่างชัดเจน ต่อมาในเรื่องของเพื่อนร่วมห้องร่วมชั้นเรียนมีความรักใคร่สามัคคี สามารถช่วยเหลือเกื้อกูลกันได้ และในส่วนของห้องเรียนและอุปกรณ์การเรียนการสอนควรมีความทันยุคทันสมัย มีสื่อดิจิตอลที่สามารถรองรับต่อเทคโนโลยีความก้าวหน้าในยุคปัจจุบัน เพื่อประสิทธิภาพในการสื่อสารไปยังกลุ่มบุคคลอื่นๆ เพราะสิ่งเหล่านี้มีอิทธิพลต่อผู้เรียนผู้สอนเป็นอย่างมาก เพิ่มความสะดวกรวดเร็ว ลดการเสียเวลา


สภาพแวดล้อมการทำงานที่เหมาะสม สิ่งที่เราต้องพบเจอเป็นอันดับแรกๆ ก็คือ เพื่อนร่วมงาน ห้องทำงานประจำ (office) บรรยากาศในการทำงาน อุปกรณ์การทำงาน ระบบสารสนเทศตลอดจนเทคโนโลยีต่างๆ ที่เอื้อประโยชน์ต่อองค์การ ล้วนมีความทันสมัยอยู่ตลอดเวลา มีการUpdate ติดตามเทคโนโลยีหรือองค์ความรู้อยู่ตลอด ในระหว่างการทำงานมีการแลกเปลี่ยนความรู้หรือ Knowledge Sharing ผ่านช่องทางการสื่อสารของบริษัทเพื่อให้พนักงานมีความรู้และเสถียรภาพในการปฏิบัติงานสูงสุด

3. ถ้างานสำเร็จตามแผน นิสิตจะให้รางวัลแก่ตนเองอย่างไร

  
            การดำเนินงานที่สามารถทำสำเร็จลุล่วงตามแผนที่วางไว้เป็นแรงจูงใจที่สำคัญทำให้เรากล้าที่จะทำงานชิ้นต่อๆ ไปนั่นก็คือรางวัลอย่างหนึ่งของเราแล้ว งานที่สามารถสร้างความประทับใจให้กับทุกคน งานทีทำแล้วส่งผลให้บุคคลอื่นมีความสุข นั่นเป็นสิ่งที่เราภาคภูมิใจมากที่สุด การให้รางวัลกับตนเองก็อาจเป็นการผ่อนคลายตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ หรือไม่ก็เป็นการพักผ่อนหย่อนใจอยู่กับบ้าน เพื่อเก็บแรงเติมพลังต่อสู้กับงานชิ้นใหม่ๆ ต่อไป หลังจากการทุ่มเทแรงกายแรงใจไปกับงานชิ้นนั้นๆ อย่างเต็มกำลังความสามารถแล้วงานนั้นบรรลุผลตามเป้าหมายที่เรากำหนดไว้

4. ถ้างานไม่สำเร็จตามแผน นิสิตจะลงโทษตนเองอย่างไร
            การที่งานไม่สำเร็จตามแผนที่เราได้วางไว้ ก่อนอื่นเราต้องตรวจสอบก่อนว่ามีเหตุปัจจัยสิ่งใดที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินงาน ซึ่งในการดำเนินงานส่วนใหญ่ย่อมมีเหตุหรืออุปสรรคมาขัดขวางอยู่เสมอ การทำงานไม่ได้มีความราบรื่นเสมอ ขึ้นอยู่กับการจัดการกับปัญหาและสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไรให้เกิดผลดีและเหมาะสมที่สุดกับงานของเรา ถ้าเราคิดว่าเราทำดีที่สุดแล้วแต่เราทำดีได้แค่นี้เราต้องยอมรับกับผลที่เกิดขึ้น แล้วต่อไปภายภาคหน้าเรานำบทเรียนที่ได้รับในครั้งนี้ไปปรับปรุงแก้ไขการดำเนินงานของเราใหม่ พยายามอย่ามองตัวเองในแง่ลบแน่นอนมันจะส่งผลให้เรามีความเครียดเพิ่มมากขึ้น การลงโทษตัวเองบางครั้งก็ได้ผลและบางครั้งก็ไม่ได้ผลเสมอไป สิ่งที่ได้ผลคือ ทำให้เรารู้ถึงความผิดพลาดของงานที่เกิดขึ้น ทำให้เราเกิดความพยามและความมุ่งมั่นที่จะทำสิ่งนั้นใหม่ในครั้งต่อๆ ไป ในทางกลับกันเมื่องานนั้นไม่สามารถแก้ไขได้ใหม่การลงโทษตัวเองไป ก็ไม่ส่งผลดีให้กับตัวเอง แต่เราสามารถรับรู้ถึงข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นและแนวทางการแก้ไขเพียงแค่นี้ก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นทำงานชิ้นต่อๆ ไป

5. สรุปผลการทำแบบฝึกหัดตามแผนที่ได้วางไว้ ว่าทำสำเร็จหรือไม่สำเร็จตามแผนอย่างไร และมีการให้รางวัล หรือ ลงโทษตนเองอย่างไร


            สรุปผลการทำงานคือ "งานสำเร็จลุล่วงเป็นอย่างดี" 
            ในส่วนของการให้รางวัลตนเองคงเป็นในเรื่องของการมีเวลาพักผ่อนเพิ่มมากขึ้นเพราะเหนื่อยหล้าจากการทำงาน และการเรียนที่เพิ่มขึ้นกว่าปกติ การเรียนบางครั้งมักจะมีอุปสรรคอยู่เสมอเพราะเราทำงานร่วมด้วย จึงทำให้ไม่ค่อยมีเวลามากนัก แต่ถ้าคิดในเชิงบวกประสบการณ์เหล่านี้ไม่สามารถหาได้บ่อยมากนัก การที่ได้เข้าไปทำงานกับองค์กรระดับใหญ่ของประเทศ เป็นสิ่งที่ดีหาได้ยาก อีกทั้งได้ร่วมทำงานคนเก่งๆ เรียนเก่งๆ จึงทำให้เราซึมซับแนวความคิดรูปแบบการทำงานแบบต่างๆ มากมาย บางสิ่งบางอย่างเราสามารถนำมาปรับเปลี่ยนและประยุกต์ใช้ในการเรียนได้เป็นอย่างดี

** ชีวิตจะมีค่า ถ้ารู้ว่าเราอยู่ที่ไหน
กำลังมุ่งหน้าไปยังที่แห่งใด และจะไปสู่เป้าหมายนั้นได้อย่างไร **

วันพฤหัสบดีที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ดูดีได้...สไตล์คนเจ้าเนื้อ



 
       จะเห็นได้ว่าประชากรสาว ๆ หรือผู้หญิงส่วนใหญ่ปัจจุบันจะรูปร่างอวบถึงอ้วนมากขึ้นทุกที แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับสาว ๆ สำหรับการทำให้เป็นที่ต้องตาต้องใจหนุ่ม ๆ ใช่ว่าจะมีแต่ส่วนผอมเท่านั้นที่จะถูกตาต้องใจ หนุ่ม ๆ บางคนก็ชอบสาวสไตล์อวบอ้วน เมื่อเป็นดังนี้แล้วจะเห็นว่าสาวอวบอ้วนก็ควรรู้ที่จะเลือกเสื้อผ้าคนอ้วนที่มีขายอยู่มากมายในร้านขายเสื้อผ้าคนอ้วนหรือเสื้อผ้าไซด์ใหญ่ตามห้างหรือที่ต่างๆ ก็จะมีให้เห็นมากมาย

 


เคล็ดลับในการแต่งกายของสาวอวบเจ้าเนื้อ


            1. เสื้อผ้าคนอ้วนที่ตัดจากผ้าสีเข้ม เสื้อผ้าคนอ้วนสีเข้มเหล่านี้จะช่วยทำให้สาวอวบอ้วนดูผอมเพรียวกว่าเดิมได้ อันนี้เป็นหลักคลาสสิคที่สาวอวบอ้วนทั้งหลายมักจะรู้และเลือกหาเพื่อซื้อเสื้อผ้าคนอ้วนสีเข้ม ๆ กันอยู่แล้ว
            2. สาวอวบอ้วน หากต้องการปกปิดสัดส่วนตรงไหน ไม่อยากให้เป็นจุดเด่นเน้นสายตา ควรหลีกเลี่ยงเสื้อผ้าคนอ้วนหรือเสื้อผ้าไซด์ใหญ่ที่เป็นผ้ามัน ๆ เด็ดขาด เมื่อไรไปหาซื้อเสื้อผ้าที่ร้านขายเสื้อผ้าคนอ้วนละก็อย่ามองเด็ดขาด เสื้อผ้าคนอ้วนเป็นประเภทผ้ามันไม่ว่าจะเสื้อคนอ้วนหรือแซกคนอ้วนก็ตาม 




            3. สาวอวบอ้วนที่มีสะโพกใหญ่ ก็ควรหากระโปรงคนอ้วนหรือชุดแซค แบบกระโปรงคนอ้วนที่เป็นทรงเอดีกว่า จะช่วยพรางสะโพก แต่เดี๋ยวนี้ร้านขายเสื้อผ้าคนอ้วนก็จะมีกระโปรงมาให้เลือกมากมาย ต้องเลือกให้เหมาะกันตัวเรารูปร่างของเรา
            4. ถ้าเรารู้ว่าเรามีช่วงขาอวบอ้วนจนเป็นส่วนเกิน ให้เลือกกระโปรงคนอ้วนทรงเอ ที่ยาวปกปิดได้ค่ะ

 


            5. ถ้าอยากให้ใส่เสื้อผ้าคนอ้วนแล้วทำให้เราดูดีแบบคลาสสิค ก็ควรใส่เสื้อผ้าคนอ้วนแบบสีเดียวหรือโทนใกล้เคียงกัน ดีกว่าใส่หลากสี แต่หากคุณมั่นใจและอยากนำแฟชั่นก็ใส่สีสดใส หรือตัดกันได้

            6. เข็มขัดก็เป็นส่วนประกอบหรือเป็นเครื่องประดับเหมาะกับเสื้อผ้าคนอ้วนที่เราเลือกใส่ให้ได้เหมือนกัน อาจเลือกคาดเข็มขัดเส้นเล็ก ๆ ต่ำ ๆ ใต้สะโพก จะช่วยทำให้ไม่เน้นพุงอ้วน ๆ ของเราได้

 

 

            7. หากต้องการให้ดูรูปร่างเพรียวหรือสูงชลูดขึ้น อาจใส่รองเท้าคนอ้วนแบบส้นสูง กับเสื้อผ้าคนอ้วนประเภทเสื้อสูทก็ได้ค่ะ เดี๋ยวนี้แฟชั่นคนอ้วนแบบสตรีทแฟชั่นตามกระแสเกาหลีก็มาแรง
            8. เนื้อผ้าแบบใส่สบายก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สาวอวบอ้วนทั้งหลายชอบเลือกใส่เสื้อผ้าคนอ้วนที่มีเนื้อผ้าแบบนี้มากกว่าเนื้อผ้าแบบหนา ๆ



 
             9. หากไม่ต้องการให้เราดูพองฟู ก็ควรหลีกเลี่ยงเสื้อผ้าคนอ้วนแบบที่มีระบายฟูฟ่อง หรือลูกไม้ห้อยระย้า ซึ่งตอนนี้ร้านขายเสื้อผ้าคนอ้วนมีนำมาขายมาก ซึ่งจะเน้นให้เห็นความอ่อนหวานแต่ขณะเดียวกันก็จะทำให้ดูพองฟูได้ หากใส่ไม่เข้ากัน
            10. เสื้อผ้าคนอ้วนที่มีสีโทนพาสเทลแนวหวาน ล่อใจสาว ๆ อวบอ้วนหลาย ๆ คน ควรหลีกเลี่ยง แต่หากคุณห้ามใจไม่ไหวก็อาจหาเสื้อผ้าคนอ้วนที่มีสีแบบนี้ได้แต่อย่าเป็นทั้งชุด
            11.การเลือกเสื้อผ้าคนอ้วนประเภทกางเกงคนอ้วนนั้น ควรหลีกเลี่ยงเมื่อเราไปเลือกซื้อตามร้านขายเสื้อผ้าคนอ้วนนั้น อย่าเลือกกางเกงแฟชั่นคนอ้วนที่มีกระเป๋ามาก หรือหลายใบ หรือมีที่ด้านหลังจะยิ่งทำให้คุณดูพองมากขึ้นค่ะ





ที่มา :http://www.ba-ba-li.com
http://www.panoramastock.com